แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ จำแนกพระอริยบุคคล แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ จำแนกพระอริยบุคคล แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ดวงตาเห็นธรรม 4


ดวงตาเห็นธรรม 4
                                                                               พระอาจารย์เมธา ชาตเมโธ

        ผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรม เรียกเป็นบุคคลว่า พระโสดาบัน คำว่า โสดา แปลว่ากระแส บัน แปลว่าคน หรือบุคคล แปลเต็มว่า บุคคลผู้เข้ากระแส กระแสอะไร? ประพฤติพรหมจรรย์คือการทำจิตให้บริสุทธิ์จากกิเลส ก็ต้องเป็นกระแสนิพพาน ซึ่งเป็นก้าวแรกของพระอริยบุคคล ๔ จำพวก ในพุทธศาสนาคือ ๑. พระโสดาบัน ๒. พระสกทาคามี ๓. พระอนาคามี ๔. พระอรหันต์ ซึ่งเป็นโลกุตรภูมิ ซึ่งมีอยู่ในบทสวดมนต์พระสังฆคุณ ว่า “จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะปุลิสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวกสังโฆ คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวได้ ๘ บุรุษ นั่นแหละคือสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า” พระอริยบุคคลทั้ง ๔ จำพวก เป็นผู้อยู่ในโลกกุตรภูมิ เป็นผู้สามารถข้ามโคตรภู (Lineage of change) ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างโลกียภูมิ และโลกุตรภูมิได้แล้ว เข้ากระแสแล้วไม่ต้องกลับมาเป็นปุถุชนอีกต่อไป

อะไรเป็นเครื่องจำแนกพระอริยบุคคล?
ตอบ สังโยชน์๑๐ แปลว่าเครื่องร้อยรัดให้กิเลสติดอยู่กับจิตมีอยู่ ๑๐ ประการ คือ

๑. สักกายทิฏฐิ เห็นผิดในเรื่องการเกิดที่เป็นทุกข์
๒. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยไม่แน่ใจ
๓. สีลัพพตปรามาส ปฏิบัติดับทุกข์ในทางผิด
๔. กามราคะ ความกำหนัดในกาม
๕. ปฏิฆะ ความขัดเคืองไม่พอใจ
๖. รูปราคะ ความกำหนัดยินดีในรูปธรรม
๗. อรูปราคะ ความกำหนัดยินดีในอรูธรรม
๘. มานะ ความสำคัญตนเปรียบเทียบผู้อื่น
๙. อุทธัจจะ ความหวั่นไหวของจิตเมื่อกระทบอารมณ์
๑๐. อวิชชา ความไม่หมดจดจากกิเลสโดยสิ้นเชิง