ดวงตาเห็นธรรม

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วัตถุประสงค์ของศูนย์โลกุตรธรรม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วัตถุประสงค์ของศูนย์โลกุตรธรรม แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วัตถุประสงค์ของ ศูนย์โลกุตรธรรมแห่งประเทศไทย

วัตถุประสงค์ของศูนย์โลกุตรธรรมแห่งประเทศไทย


    ๑.เผยแผ่พุทธศาสนาที่บริสุทธิ์ปราศจากสัทธรรมปฏิรูปก์ และสิ่งปนเปื้อนบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า  เนื่องจากคติความเชื่อของลัทธิศาสนาอื่นปะปนเข้ามาหลายครั้งตามกาลเวลาที่ผ่านมายาวนาน

    ๒.เผยแผ่ความจริงของสิ่งปนเปื้อน  ว่ามาจากไหน เป็นลัทธิศาสนาใด เข้ามาปะปนกับพุทธศาสนาเมื่อใด  เพื่อให้ชาวพุทธได้ทราบความจริงและใช้สติปัญญา  เปรียบเทียบตามหลักกาลามสูตร  หลักอริยสัจสี่ และหลักอนัตตา  เกิดศรัทธาที่ประกอบด้วยปัญญาสัมมาทิฏฐิ เลิกงมงายกับสิ่งที่เหลวไหลหลอกลวง

   ๓.เผยแผ่ธรรมะที่บริสุทธิ์  ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และนำมาสั่งสอนพุทธบริษัท ให้ดับทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง  ในชีวิตปัจจุบัน  โดยการลดละอวิชชา กิเลสตัณหา อุปาทาน จนกว่าจะหมดสิ้น  ก็จะพบกับความสะอาด สว่าง สงบเย็น เป็นนิพพานตามหลักอริยสัจอนัตตา ได้ในชีวิตนี้  โดยไม่ต้องรอชาติหน้าซึ่งเป็นเรื่องจินตนาการของมนุษย์

   ๔.ปกป้องคุ้มครองพุทธศาสนาและพุทธบริษัท  ให้พ้นภัยจากพวกอัญญเดียรถีย์ และผู้ที่แอบอ้างคติความเชื่อของลัทธิศาสนาอื่น  ว่าเป็นพุทธศาสนา  เพื่อหาประโยชน์จากลาภสักการะ  ทำมาหากินบนหลังประชาชนที่มีศรัทธาแต่ขาดปัญญา

   ๕.เผยแผ่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง  ของลัทธิศาสนาต่างๆ ที่มีอยู่ในโลก  เพื่อที่ชาวพุทธจะสามารถเปรียบเทียบและแยกแยะลัทธิอื่น เช่นไสยศาสตร์ วิญญาณนิยม เทวนิยม วัตถุมงคล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ออกจากพุทธศาสนาที่บริสุทธิ์ได้  โดยไม่หลงผิดลัทธิศาสนาอื่นว่าเป็นพุทธศาสนาอีกต่อไป

    ๖.เผยแผ่พุทธธรรม ชี้นำธรรมถูกต้อง  ปกป้องพุทธศาสนา ชาวพุทธทุกคนมีหน้าที่จะต้องช่วยกันกอปกู้และสืบต่ออายุพุทธศาสนาที่แท้จริงให้ยั่งยืนสถาพรสืบไป       



พระอาจารย์เมธา ชาตเมโธ ศูนย์โลกุตรธรรมแห่งประเทศไทย
สอนฟรีทุกวันอาทิตย์ ๑๓.๐๐ น.- ๑๗.๐๐ น.  ติดต่อสมัครเรียนได้ที่  คุณโยมพวงศรี ธานีโต
โทร. 08-0124-8235

คำประกาศต่อชาวโลก ปี ๒๕๕๖ ศูนย์ศึกษาและเผยแผ่โลกุตรธรรมแห่งประเทศไทย

 คำประกาศต่อชาวโลก ปี ๒๕๕๖
          ศูนย์ศึกษาและเผยแผ่โลกุตรธรรมแห่งประเทศไทย (ศผลท.)

      โลกมนุษย์ทุกวันนี้กำลังร้อนอยู่ด้วยไฟคือ กิเลส ศัตรูของมนุษย์มิใช่มนุษย์ด้วยกันเอง แต่มันคือกิเลสในใจมนุษย์ เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง ความทุกข์ส่วนบุคคล ความทุกข์ของสังคม และความทุกข์ของโลก ที่มนุษย์ต้องทำสงครามฆ่าฟันกันอยู่ในทุกวันนี้ ก็เกิดมาจากกิเลส และถ้ามนุษย์กำจัดกิเลสไม่ได้ สงครามนิวเคลียร์ก็จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ โลกจะพินาศ มนุษย์จะสิ้นเผ่าพันธุ์ ที่มนุษย์เป็นทุกข์ไม่ใช่เพราะพระเจ้าลงโทษ มนุษย์ทำอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมาเอง แล้วควบคุมมันไม่ได้ ก็เป็นเรื่องของมนุษย์ทั้งสิ้น อย่าไปโทษพระเจ้า ฉะนั้นการพิทักษ์โลกจึงเป็นหน้าที่ของชาวโลกทุกคน เรียนผูกแล้วต้องเรียนแก้ ปัญหาของมนุษย์ๆ จะต้องเป็นผู้แก้ ศูนย์วิจัยขององค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศให้ทราบแล้วว่า สงครามเริ่มต้นมาจากจิตใจของมนุษย์ ที่องค์การสหประชาชาติทำงานเพื่อหยุดยั้งสงครามและรักษาสันติภาพด้วยวิธีทางการเมืองและกำลังทหาร มาครบรอบ ๖๗ ปีแล้ว ยังไม่อาจจะหยุดยั้งสงครามได้นั้น ก็เพราะแก้ปัญหาไม่ตรงจุด การใช้กำลังอาวุธไม่สามารถสร้างสันติภาพได้ จึงหันมาพึ่งศาสนา  ได้เชิญผู้นำศาสนาทั่วโลกมาประชุม พบว่าในพระพุทธศาสนามีคำสอนที่เป็น สัจธรรมสากล (Universal truth) ที่สามารถยับยั้งสงครามและรักษาสันติภาพของโลกได้ ที่ประชุมจึงลงมติประกาศให้ วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญของโลก (๑๕ ธ.ค.๒๕๔๒) เป็นความภูมิใจของชาวพุทธทั่วโลก  มีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะป้องกันสงครามนิวเคลียร์ล้างโลกได้ นั่นคือชาวโลกทุกคนไม่ว่าจะมีเชื้อชาติและศาสนาใด จะต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ร่วมใจสามัคคีกัน ศึกษาและปฏิบัติใน โลกุตรธรรม (Super mundane states) ซึ่งเป็น ปรมัติสัจจะ (Absolute truth) เป็นศาสนาของโลก เพื่อยกระดับของมนุษย์ให้เป็น พระอริยบุคคล (Holy persons) ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนศาสนา ไม่ว่าจะเป็นพุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ ฮินดู ซิกส์ บาไฮ ฯ ก็เป็นมนุษย์ที่อยู่ใน กฏธรรมชาติ (Natural law) เช่นเดียวกันทั้งสิ้น

      เมื่อทำให้มนุษย์มีความเห็นถูกมากขึ้นแล้ว ความเห็นแก่ตัวก็จะลดลง พลังแห่งธรรมานุภาพและความเห็นถูกก็จะช่วยให้โลกและมนุษย์รอดปลอดภัยจากสงครามนิวเคลียร์ล้างโลก และนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ในทางสันติ มนุษย์จะมีวัตถุปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิตอย่างอุดมสมบูรณ์ วิทยาศาสตร์ทำให้สามารถผลิตอาหารเลี้ยงมนุษย์ทั้งโลกได้อย่างเพียงพอ 
       ธรรมะนั้นมี ๒ ระดับ คือ ๑.โลกียธรรม ๒.โลกุตรธรรม
ธรรมะที่จะช่วยให้โลกและมนุษย์ปลอดภัยได้นั้นคือ โลกุตรธรรม ซึ่งมีพร้อมสมบูรณ์อยู่แล้วในพระพุทธศาสนา แต่ในเมืองไทยมีการศึกษาโลกุตรธรรมน้อยมาก  เราจึงต้องก่อตั้งศูนย์ศึกษาและเผยแผ่โลกุตรธรรมแห่งประเทศไทย (ศผลท.) ขึ้น เมื่อปี ๒๕๓๖ เป็นเวลา ๒๐ ปีแล้ว  มีสำนักงานอยู่ ๒ แห่งคือ ๑.ศูนย์โลกุตรธรรมกรุงเทพ มูลนิธิ ผชป.๖๘/๔ ตรอกเสถียร ถ.ตะนาว เขตพระนคร กทม.      ๒.ศูนย์โลกุตรธรรมนนทบุรี กุฏิ ๒๐ วัดกระโจมทอง ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี  การศึกษาและปฏิบัติในโลกุตรธรรม  จะทำให้ได้อานิสงส์ ๔ ประการคือ ๑.ได้สันติสุขส่วนบุคคล คือ นิพพานสุข  ๒.ได้สันติภาพส่วนสังคม คือสังคมที่ปราศจากอบายมุขและมีศีลธรรมมั่นคงอย่างยิ่ง ๓.ช่วยให้เกิดสันติภาพของโลก ป้องกันสงครามนิวเคลียร์ล้างโลก (สงครามโลกครั้งที่๓) ๔.ช่วยกู้พระพุทธศาสนาที่แท้จริงกลับคืนมาคู่ชาติไทยและคู่โลกตลอดไป

          ปัจจุบันชาวพุทธไทยเป็นพุทธแท้ไม่ถึง ๕% และผู้ที่สามารถสอนพุทธศาสนาได้ถูกต้องมีไม่ถึง ๑% ชาวพุทธต้องเสียสละและสามัคคีกันกู้พุทธศาสนาที่แท้จริงกลับคืนมาโดยเร็ว ท่านผู้ใดสนใจที่จะศึกษาโลกุตรธรรม เนื้อแท้คำสอนของพระพุทธเจ้าและเป็น ศาสนาสากล(Universal truth) เรียนโลกุตรธรรมฟรีทุกวันอาทิตย์ เวลา ๑๓.๐๐ น.ที่กุฏิ ๒๐ วัดกระโจมทอง ติดต่อได้ที่ พระอาจารย์เมธา ชาตเมโธ (ประธาน ศผลท.) โทร.๐๘-๑๔๗๖-๑๔๕๕ หรือสอบถามได้ที่ นายบริหาร เอกวงศ์ โทร.๐๘-๑๔๕๓-๖๘๓๑ และ น.ส.พวงศรี ธานีโต (หัวหน้าชั้น) โทร.๐๘-๐๑๒๔-๘๒๓๕

      รับบรรยายธรรม,ปาฐกถาธรรม หลักพุทธศาสตร์ พุทธประวัติและโลกุตรธรรม นอกสถานที่ฟรีเมื่อมีกลุ่มผู้ฟัง ๒๐ คนขึ้นไป เจ้าภาพเพียงแต่รับผิดชอบเรื่องสถานที่ประชุม รับส่งพระวิทยากร เมืองไทยพุทธเพี้ยนเต็มบ้านเมือง ความเท็จกำลังขายดี  พุทธแท้ไม่ต้องรอรับผลหลังตาย และดับทุกข์ได้ในชีวิตนี้  หาฟังได้ยากในประเทศไทย  เจริญพร.